ถือเป็น “ครั้งแรก” ของบุคคลด้านดนตรีของประเทศไทย ที่ได้รับการยกย่องเป็น “บุคคลสำคัญของโลก”เคียงบ่าเคียงไหล่ของศิลปินระดับโลกอาทิ ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน, โวล์ฟกังอะมาเดอุส โมซาร์ท, โยฮันน์สเตราส์ และเฟรเดริก ฟรองซัวส์โชแปง ฯลฯ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม และศิลปินไทยมีความสามารถทัดเทียมนานาอารยะประเทศ อันจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งโลก ครูเอื้อ สุนทรสนาน หรือ“สุนทราภรณ์” เจ้าของฉายา “ขุนพลเพลงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ถือเป็นศิลปินด้านดนตรีของไทย “คนแรก” ที่ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการฝ่ายวัฒนธรรมของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วย การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของสหประชาชาติ หรือ องค์การยูเนสโก ให้เป็น“บุคคลสำคัญของโลก” ในโครงการเฉลิมฉลองบุคคลสำคัญและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประจำปี 2553-2554 และเนื่องในโอกาสครบ 100 ปี “ครูเอื้อ”สุนทรสนาน กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมประกาศอย่างเป็นทางการให้คนไทยทั้งประเทศร่วมยินดีและและจัดกิจกรรม รำลึกถึงครูมากมายครูเอื้อฯ ศิลปินชั้นแนวหน้าของกรุงรัตนโกสินทร์ท่านเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถในการ เล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด อาทิ ไวโอลินแซ็กโซโฟน และคลาริเน็ต ทั้งยังเป็นนักร้องนักแต่งเพลง หัวหน้าวงดนตรี วาทยกร(ผู้ควบคุมวง) และครูผู้เชี่ยวชาญ ตลอดระยะเวลาการทำงานกว่า ๕๐ ปีของครูเอื้อฯท่านมีผลงานร่วมกับครูเพลงท่านอื่นๆ มากถึง๒,๐๐๐ เพลง โดยเนื้อหาของเพลงนั้นมีความหลากหลาย อาทิ เพลงถวายพระพร ปลุกใจเทศกาล สถาบัน เยาวชน จังหวัดและสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงเพลงที่เกี่ยวกับความรัก ธรรมชาติ ศาสนา และปรัชญาชีวิตในท่วงทำนองที่มีความหลากหลาย อาทิ แจ๊ซบลูส์ คันทรี่ จีน แขก และจังหวะในการลีลาศทุกจังหวะ รวมถึงยังได้คิดค้นจังหวะใหม่ คือตะลุงเท็มโป้ นอกจากนี้ ท่านยังได้นำวงดนตรีไทยเดิมมาบรรเลงเคียงข้างวงดนตรีสากลเกิดเป็นประสบการณ์ ทางด้านดนตรีที่แปลกใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ สังคีตสัมพันธ์บทเพลงที่ครูเอื้อฯ ได้ประพันธ์ร่วมกับเพื่อนร่วมงานของท่านซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ“เพลงสุ นทราภรณ์” นั้นได้รับการยกย่องว่ามีความสมบูรณ์ทั้งทางคีตศิลป์และวรรณศิลป์เป็นการผสม ผสานเพลงไทยเดิมเข้ากับเพลงสากลได้อย่างลงตัวและมีเอกลักษณ์ถือเป็นต้นแบบ ของเพลงไทยสากลในปัจจุบันและแม้ว่าบทเพลงของท่านจะมีอายุยาวนานกว่าครึ่ง ศตวรรษ แต่บทเพลงหลายๆบทเพลง อาทิ พรานทะเล นางฟ้าจำแลงวังน้ำวน พรานล่อเนื้อ มองอะไร ฟลอร์เฟื่องฟ้าและขอให้เหมือนเดิม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงเทศกาลต่างๆ อาทิ เทศกาลลอยกระทง ปีใหม่ และสงกรานต์ก็ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทยตราบถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น