ความเป็นมา |
|
วันทะเลโลก หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า World Ocean Day เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก (The Earth Summit) ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล และในปีนี้ ก็เป็นเวลากว่า 17 ปีแล้ว ที่คณะทำงานกลุ่มนี้ได้รวมตัวกันเพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ส่งต่อไปยังประชาชนทั่วโลกผ่านเครือข่ายต่างๆ ที่มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก พร้อมกับจัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรต่างๆ อาทิ อุทยานสัตว์น้ำ สวนสัตว์ โรงเรียน มหาวิทยาลัย และองค์กรอนุรักษ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั้งโลกหันมาใส่ใจ ร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเล |
|
สำหรับปี 2552 นี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับ สมาคมกรีนฟินส์ และ สยามโอเชี่ยนเวิลด์ ได้จัดงาน "วันทะเลโลก" ณ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสยามโอเชี่ยนเวิลด์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงวันสำคัญทางสิ่งแวดล้อมสากล และเพื่อแสดงความเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เรื่องดังกล่าว |
|
|
ภายในงานมีการแสดงผลงานการออกแบบสื่อสร้างสรรค์ของผู้ส่งเข้าประกวด ในหัวข้อ “ทะเลสวยใส ไร้ถุงพลาสติก” และการเสวนาเรื่อง "วิกฤติขยะทะเลไทย” ซึ่งทำให้เราได้รับรู้ว่าเรื่อง "ขยะ" ในทะเลนี่มันเป็น "วิกฤติ" จริง ๆ นะ |
|
จาก รายงานปี 2007 ของ COBSEA (Coordinating Body on the Seas of East Asia) ระบุว่ามีปริมาณขยะมากถึง 6.4 ล้านตัน/ปี (1,800 ตัน/วัน) โดยขยะ 8 ล้านตัน ถูกทิ้งลงสู่ทะเลทุกวัน และในจำนวนนั้นเป็น พลาสติกมากถึง 89% หรือมีขยะพลาสติกประมาณ 46,000 ชิ้น/ตารางไมล์ ซึ่งคิดเป็น 3 เท่าของปริมาณปลาที่จับได้เชียวนะ |
|
ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาทางทะเลและทางด้านเคมี ได้วิจัยเกี่ยวกับการปนเปื้อนบริเวณชายฝั่งทะเล พบพลาสติกที่มีขนาดเล็กปนเปื้อนอยู่ทั่วไปทั้งในทะเลและบริเวณชายฝั่ง นอกจากนั้นยังมีขยะชิ้นใหญ่ ๆ ประเภท โฟม พลาสติก และเครื่องมือประมง เป็นจำนวนมาก ทำให้สัตว์เล็ก ๆ อย่าง เพรียงทะเลและหนอนทะเล ไปจนกระทั่งสัตว์หายากอย่าง วาฬ โลมา พะยูน หรือ เต่าทะเล ได้รับบาดเจ็บ พิการ หรือตาย เนื่องจากโดนขยะพันลำตัว หรือกินขยะต่าง ๆ เข้าไป |
|
คุณกาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เล่าให้ฟังว่า เต่าะทะเลจำนวนมากที่เกยตื้นส่วนใหญ่มักจะมีขยะติดที่ครีบ ซึ่งไม่สามารถแกะหรือสลัดออกเองได้ เมื่อยิ่งว่ายน้ำก็จะยิ่งทำให้แน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ครีบหรือขาหน้าขาด บางครั้งพบว่ามีเศษอวน เอ็นเล็ก ๆ ที่มีความคมพันคอเต่าจนขาดหรือตัดเส้นเลือดจนคอเกือบขาด และที่พบบ่อยที่สุดก็คือการที่ เต่าทะเลกินเศษโฟมหรือพลาสติกเพราะคิดว่าเป็นอาหารจนเข้าไปอุดตันลำไส้และตาย ในเวลาต่อมา |
|
นอกจากนั้น ยังเคยพบว่ามี วาฬกินเศษพลาสติกเข้าไปหลายอย่าง ทั้งถุงดำ กล่องและขวดพลาสติก ถุงขนม หนักรวมกันถึง 1.6 กิโลกรัม หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้พบโลมาปากขวดตายเพราะติดอวนทั้งผืนที่พันลำตัวจนทำให้โลมาไม่สามารถว่ายน้ำขึ้นมาหายใจได้ |
|
ในทะเลฝั่งอันดามันบริเวณจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ จะมีสัตว์ทะเลเหล่านี้มาเกยตื้นประมาณ 40 ตัว/ปี และพบว่า มากกว่า 70% เป็นสัตว์ทะเลที่บาดเจ็บและตายจากเศษอวน เครื่องมือประมง และขยะโดยเฉพาะพลาสติก นี่ยังไม่นับรวมสัตว์ทะเลที่ตายไปเพราะขยะแต่ไม่ได้เกยตื้นมาให้เห็นอีกด้วยนะ |
|
ในปี พ.ศ. 2551 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ร่วมกับนักดำน้ำอาสาสมัครและองค์กรต่างๆ เก็บขยะทะเลได้จำนวน 22 ตัน จากแหล่งดำน้ำต่างๆ ทั่วประเทศ แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับขยะปริมาณมากที่ยังคงถูกปล่อยทิ้งลงทะเล ซึ่งแม้จะตามเก็บกันเท่าไหร่ก็คงไม่มีวันหมดแน่นอน |
|
หนทางในการแก้ปัญหาขยะจึงน่าจะพุ่งเป้าไปที่การ "ทิ้ง" มากกว่าการ "เก็บ" กล่าวคือ มีระบบการจัดการขยะที่ดีตั้งแต่บนบก ซึ่งจะส่งผลต่อการลดขยะในทะเลลงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบการจัดการจะดีเพียงใดก็อาจไม่มีประโยชน์ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากพวกเราทุกคน |
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554
วันทะเลโลก (World Ocean Day)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น