เรื่องธรรมดา ในชีวิตประจำวัน ที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของเรา ห้ามทำเด็ดขาด
1. การใช้แปรงสีฟันร่วมกัน
ตอน เช้าตื่นมากิจวัตรที่ต้องทำคือการแปลงฟัน แต่ถ้าหากคุณไปนอนบ้านคนอื่น หุหุ คนจะรู้ไหมว่าในแปลงสีฟันเขามีเชื่อโรคมากน้อยแค่ไหน การใช้แปรงสีฟันร่วมกันนั้นจะทำให้แบคทีเรียในช่องปากที่สะสมนั้น มีมากขึ้นในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกันนานๆ อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดคนที่เราใช้แปรงร่วมด้วยไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปาก จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย
2. ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ
เวลา ไปห้างสรรพสินค้าจะมีเครื่องเป่ามือให้แห้งผมเห็นแล้วช่างดัดจริตตาเสียนี้ กระไร ไม่รุ้คนที่มาเป่านี้ดัดจิตจริงๆ ที่ว่าแบบนี้เพราะว่า เครื่องเป่ามือเนียมันไม่เห้นจะมีความจำเป็นอะไร ที่บ้านของคุณผมก็เชื่อว่าไม่มี แต่เวลาไปห้างเนียของเป่าไว้ก่อน ดูเทห์หรอืไงไม่ทราบ แล้วคุรรู้หรือมไ่ว่า การที่เป่ามือด้วยเครื่องอะ ท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้น ควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้ง เดียวเท่านั้น
3. การนั่งบนชักโครกสาธารณะ
เวลาปวดท้องเข้าห้องน้ำไม่เคยปราณีใคร นึกมันจะปวดก็จะปวดขึ้นมากระทันหัน ห้องน้ำสาธารณะก็ถือว่าเป็นสรวงสวรรค์ดีๆ นี้เองของคนอยากถ่าย555 สำหรับหลายๆ คนหนุ่มๆ (เกย์เก้) สาวๆ นั่งที่ปัสสาวะหรือถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะหรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้นถ้าหากท่านชายหรือท่านหญิงเกิดจะนั่งถ่าย ก็ควรจะเอาเช็คชูสะอาดๆ มารองไว้บนโถรองนั่งก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ผมใช้มาทุกครั้ง และเคล็ดลับของผมอีกอย่างจะเอาพกขวดน้ำเอ่ไว้เพื่อล้างให้สะอาดอีกด้วย
4. การกลั้นจาม
คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว ดังนั้น การยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้
5. กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ
การรับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสม และอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะ เนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย เพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว
ตอน เช้าตื่นมากิจวัตรที่ต้องทำคือการแปลงฟัน แต่ถ้าหากคุณไปนอนบ้านคนอื่น หุหุ คนจะรู้ไหมว่าในแปลงสีฟันเขามีเชื่อโรคมากน้อยแค่ไหน การใช้แปรงสีฟันร่วมกันนั้นจะทำให้แบคทีเรียในช่องปากที่สะสมนั้น มีมากขึ้นในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกันนานๆ อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดคนที่เราใช้แปรงร่วมด้วยไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปาก จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย
2. ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ
เวลา ไปห้างสรรพสินค้าจะมีเครื่องเป่ามือให้แห้งผมเห็นแล้วช่างดัดจริตตาเสียนี้ กระไร ไม่รุ้คนที่มาเป่านี้ดัดจิตจริงๆ ที่ว่าแบบนี้เพราะว่า เครื่องเป่ามือเนียมันไม่เห้นจะมีความจำเป็นอะไร ที่บ้านของคุณผมก็เชื่อว่าไม่มี แต่เวลาไปห้างเนียของเป่าไว้ก่อน ดูเทห์หรอืไงไม่ทราบ แล้วคุรรู้หรือมไ่ว่า การที่เป่ามือด้วยเครื่องอะ ท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้น ควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้ง เดียวเท่านั้น
3. การนั่งบนชักโครกสาธารณะ
เวลาปวดท้องเข้าห้องน้ำไม่เคยปราณีใคร นึกมันจะปวดก็จะปวดขึ้นมากระทันหัน ห้องน้ำสาธารณะก็ถือว่าเป็นสรวงสวรรค์ดีๆ นี้เองของคนอยากถ่าย555 สำหรับหลายๆ คนหนุ่มๆ (เกย์เก้) สาวๆ นั่งที่ปัสสาวะหรือถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะหรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้นถ้าหากท่านชายหรือท่านหญิงเกิดจะนั่งถ่าย ก็ควรจะเอาเช็คชูสะอาดๆ มารองไว้บนโถรองนั่งก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ผมใช้มาทุกครั้ง และเคล็ดลับของผมอีกอย่างจะเอาพกขวดน้ำเอ่ไว้เพื่อล้างให้สะอาดอีกด้วย
4. การกลั้นจาม
คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว ดังนั้น การยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้
5. กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ
การรับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสม และอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะ เนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย เพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น