วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

10 อันดับสถานที่ที่สวยที่สุดในโลก



อันดับ 1 : หาดมาโรม่า (MAROMA BEACH, MXICO)มาโรม่า ชายหาดเก่าแก่ และดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ความเงียบสงบ ชวนให้ผ่อนคลาย กับอารยธรรมมายัญ ทำให้คนที่มาที่นี่รู้สึกเหมือน กลับสู่อดีตกาลอีกครั้ง มาโรม่า หรือที่รู้จักในนาม สวรรค์มายัญที่สูญหาย (LOST MAYAN PARADISE) เป็นความน่าทึ่งที่หาไม่ได้ จากชายหาดที่ไหน มันรวมความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน นอกจากหาดทรายสีขาว และน้ำทะเลสีใสแล้ว กิจกรรมพร้อมสรรพ พายเรือแคนู ดำน้ำดูปะการัง กับคลื่นลมที่ไม่แรง ป่าเขียวที่คงความสมบูรณ์ อีกทั้งยังซึมซับความโรแมนติก ของอารยธรรมมายัญไว้อีกด้วย คุณจะรู้สึกว่า หาดมาโรม่า ให้ความเป็นธรรมชาติ และที่นี่ คือที่แห่งสวรรค์อันดับ 1 ในสุดยอดชายหาดของโลก


อันดับ 2 : หาดอิปานีม่า (IPANEMA BEACH RIO DE ความเซ็กซี่ คือสิ่งที่คู่กับชายหาดแห่งนี้ สาว ๆ หุ่นดีกับชุดว่ายน้ำน้อยชิ้นที่สุดเป็นเสน่ห์อันเย้ายวนของ หาดอิปานีม่า ไม่ว่าแสงแดดเจิดจ้า หรือน้ำทะเลน่าเล่นแค่ไหนก็ต้องยอมแพ้กับ ความเร่าร้อนของผู้คนบนชายหาด สำหรับหนุ่ม ๆ โอกาสอันดีมาถึงแล้ว ส่วนสาว ๆ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีดีให้โชว์ก็โชว์ไปเลยJANEIRO BRAZIL)


อันดับ 3 : หาดพอยพู (POIPU BEACH,ฮาวาย...ดินแดนแห่งเกาะ และหาดทรายสวย ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ไม่เพียงคุณใส่ชุดว่ายน้ำเดินเล่นริมหาด หรือเล่นโต้คลื่นร่วมกับกลุ่มเพื่อนคุณยังทำกิจกรรมที่แปลกพิเศษอย่างอื่น ๆ ได้จากที่นี่ หาดพอยพู หนึ่งในหาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในฮาวาย มันจะสร้างดินแดนแห่งความสนุก ความเบิกบาน และกิจกรรมสำหรับผู้เสาะหาธรรมชาติอย่างเรา ๆ ได้รับความพึงพอใจกับประสบการณ์ใหม่ ในการเที่ยวทะเลอย่างการนั่งเฮลิคอปเตอร์ หรือดำน้ำสำรวจใต้ท้องทะเล มันอาจดูธรรมดา แต่ความธรรมดานี้สร้างความพิเศษที่แตกต่างที่ที่อื่นไม่เคยมี KAUAI, HAWAII USA)


อันดับ 4 : แกรนด์ คูล เดอ แซค (GRAND CUL-DE-SAC, ST. BARTS FRENCH WEST INDIES)เสน่ห์ของมันถูกซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิด เมื่อธรรมชาติกับความสวยงามรวมเป็นหนึ่งเดียว แกรนด์ คูล เดอ แซค จึงเป็นชายหาดที่นักท่องเที่ยวอยากเข้าไปสัมผัส ด้วยความที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หรือเดินทางมาถึง มันยังคงสภาพความเป็นเกาะที่งดงาม พุ่มไม้เตี้ยๆ แอ่งน้ำ สีฟ้าใสขับทรายสีทองอร่ามไปทั่ว ทั้งหาดช่างเหมาะกับการเล่นโต้คลื่น หรือกิจกรรมทางน้ำทุกชนิด


อันดับ 5 : หาดลาร์วอตโต้ (LARVOTTO BEACH, Mเรากำลังเหยียบย่ำอยู่บนหาดที่มีค่าดั่งเพชรนิลจินดา หาดลาร์วอตโต้ หาดเศรษฐี และคนดัง ที่นี่เป็นเหมือนที่ชุมนุมคนรวย สิ่งที่ผู้คนสวมใส่รูปร่างหน้าตา สไตล์การแต่งตัว การวางตัวของพวกเค้า ไม่เลยที่คุณจะดูด้อยกว่าคนอื่น คุณมานี่เพื่อใช้เงิน คุณจะไม่ใช้เงินได้หรือถ้ามีมอนติคาร์โล โรงแรม 5 ดาว ไนท์คลับ อาหารเต็มไปหมดรายล้อมคุณอยู่ เอาน่าเมื่อเงินซื้อความสุขได้ คุณก็ควรยอมแลกมันกับ ความคุ้มค่าด้วยการพักผ่อนที่ หาดลาร์วอตโต้ ดีกว่าเยอะONTE CARLO, MONACO)


อันดับ 6 : เกาะเฟรสเซอร์ (FRASER ISLAND QUEENSLAND, AUSTRALIA)ท่ามกลางทิวเขาลำเนาไพร สถานที่ที่จะพบหาดธรรมชาติที่คุณเสาะหา เกาะสวรรค์ที่ความงดงาม อยู่เบื้องหน้า คือจุดหมายของเรา เกาะเฟรสเซอร์ สภาพความสมบูรณ์ของระบบนิเวศวิทยา ป่าฝนที่น่าทึ่ง ชายหาดสีขาวบริสุทธิ์ ทะเลสาบน้ำจืดใจกลางเกาะ มันถูกรวมเข้ากับความเป็นธรรมชาติ การมาที่นี่ของคุณจะเป็นการเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทั้งความสุขที่ ให้คุณได้ดื่มด่ำ กิจกรรมที่มากชนิด ทัศนียภาพที่ปรากฏในตาคุณ คุณจะรู้ว่าการอยู่กับธรรมชาตินั้นดีเพียงใด


อันดับ 7 : หาดใต้ (SOUTH BEACH MIAMI, FLORIDA, USA)ชายหาดแห่งความเซ็กซี่ทั้งยามกลางแจ้ง และมืดมิด วัน ๆ หนึ่งคุณจะพบกับความสุขได้ทั้งวัน เพราะเสน่ห์ที่จับใจ หาดใต้ คือศูนย์รวมของพวกคนรักชายหาด ไม่เฉพาะแต่ชายหาดสำหรับแสดงศิลปะ และสุนทรียภาพเท่านั้น โอน อเวนิว (OCEAN AVENUE) เป็นที่ของศิลปิน ศูนย์รวมอาร์ต เด็คคอ อิสทอริค ดิสทริก (ART JDECO HISTORIC DISTRICT) จากทั่วทุกแขนง ยามกลางคืนที่มืดมิดหาดใต้ คือจุดนัดพบที่ไนท์คลับ แหล่งท่องราตรีที่คุณจะปลดปล่อยทุกสิ่งแล้วลื่นไหลไปกับมัน


อันดับ 8 : หาดป่าตอง (PATONG BEACH PHUKET, THAILAND)สู่บรรยากาศกลางแสงแดดจ้ากันสักหน่อย ดีกว่าไปทำอะไรที่เสียเวลา ด้วยอุณหภูมิความร้อนระอุ หาดป่าตอง คือเพชรเม็ดงามของเมืองไทยหาดทรายสีขาวเนียนนุ่ม น้ำทะเลใส ๆ บริการที่คอยเอาอกเอาใจ รวมกับกิจกรรมสนุกที่คุณสุดเหวี่ยงได้เต็มที่ คุณจะได้สัมผัสความเร่าร้อนและตื่นตาตื่นใจ ไปกับความสะดวกสบาย ทุกอย่างที่ หาดป่าตอง มอบให้แด่คุณ


อันดับ 9 : หาดแค็บเบจ (CABBAGE BEACH PARADISE ISLAND, BAHAMAS)
ยิ่งน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับชายหาดในฝันที่ติดอันดับโลก หาดนี้ คือตำนานความสุขของครอบครัว ที่นั่นมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทำเยอะทั้งว่ายน้ำ ดำน้ำ เล่นเจ็ทสกี หรือโดดร่ม กิจกรรมทุกอย่างที่ความเบื่อหน่าย จะไม่กระทบต่อความคิดคุณ และเมื่อพูดถึงที่พักต้องหมายถึงที่เดียวเท่านั้น รีสอร์ทแอตแลนติส (ATLANTIS RESORT) ที่นำความแปลกใหม่มาสู่การพักผ่อน แหล่งท่องเที่ยวใต้น้ำ เดอะ ดิ๊ก (THE DIG) ทำให้เด็ก ผู้ใหญ่ หรือทุกเพศทุกวัยดูสดใสขึ้นอีกครั้ง


อันดับ 10 : เกาะมิโคนอส (MYKONOS ISLAND, GREECE)
เปลือยกาย อาบแดด สำหรับที่นี่ธรรมดามาก ๆ เพราะเกาะแห่งเทพเจ้านี้ คือใบผ่านสู่สวรรค์ชั้นยอด ชายหาดถึง 27 หาดในหมู่เกาะกรีก (GREEK) ที่ไม่ยอมให้ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเข้ามา แทนที่อย่างเด็ดขาด ที่นี่มีเสียงเพลง บาร์มากมาย คุณสามารถเต้นรำ ว่ายน้ำ แต่งตัวสวยๆ อะไรก็แล้วแต่ ที่คุณอยากทำภายในเรือที่ชื่อว่า พาราไดซ์ บีซ (PARADISE BEACH) มันแล่นไปรอบ ๆ คุณจะมีความสุขที่สุดในปาร์ตี้ที่ไม่อยากจะลืม เสียงแห่งความสนุก อาจกระตุ้นอารมณ์คุณจน อดใจไม่ไหวที่จะไปร่วมสนุกกันที่ เกาะมิโคนอส ในหมู่เกาะกรีกเข้าให้แล้ว

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

Apartment หรือแฟลตโครงการนี้ก่อสร้างโดย 2 พี่น้องตระูกูล Candy ชื่อว่า Christian และ Nicks โดยก่อสร้างทั้งหมด 80 ห้อง จากการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อว่า Richard Rogers สำหรับห้อง Penthouse จะมีการติดตั้งกระจกกันกระสุน และระบบฟอกอากาศ ตลอดจนเส้นทางฉุกเฉินไปยัง โรงแรม Mandarin Oriental ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง กว่าครึ่งของ apartment ถูกขายไปแล้ว โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ Unit ละ 20 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือเศรษฐีน้ำมันชาวรัสเซีย และตะวันออกกลาง นั่นเอง ห้องจะพร้อมเข้าอยู่ได้ในปี 2010
โอย มึน - -*

เค้กที่แพงที่สุดในโลก



ดูแต่ตา มืออย่าจ้องค่ะ เพราะเค้กชิ้นนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ ครีม ขนมปัง น้ำตาล
เพียงอย่างเดียวนะคะ ยังมี เพชร พลอย ตกแต่งอีกด้วย (เพื่ออะไรหว่า - -*)
ราคาก็ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรืประมาณ 740 ล้านบาทค่ะ (กรี๊ดด)

มือถือที่แพงที่สุดในโลก


โอ้ว แสบตา
มือถือนี้ทำด้วยเพชรแท้ล้วนๆค่ะ ทำขึ้นมาเพียง 3 เครื่องในโลกเท่านั้นแหละค่ะ (ดี ไม่เปลือง)
ส่วนราคาน่ะหรอคะ ประมาณ 14 ล้านยูโร หรือประมาณ 65 ล้านบาท เองค่า (เอง ?)
ข่าวดีคือ ยังขายไม่ออกซักเครื่อง - -*

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

เธลีส



เธลิสกรีกโปราณอาจมีนิยามที่แตกต่างจากประเทศกรีกในปัจจุบันอาณาของชนชาติโบราณเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามอารยธรรม กรีกโบราณจึงครอบคลุมไปถึงตรุกีทางใต้ไปจนถึงอิตาลี
เธลีสเป็นนักปริชญาชาวกรีก เป็นนักวิทยาศาตร์ และคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เธลิส เป็นชาวเมืองไมล์ตุส(Miletus) ซึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของตรุกี เธลีสใช้ชีวิตอยู๋ในช่วงเวลาประมาณ 600 ปี ก่อนคริตศตวรรศอย่างไรก็ดีผลงานของเธลิสที่เป็นข้อเขียนไม่หลงเหลือเป็นหลักฐานเลย แต่จากหลักฐานที่กล่าวอ้างถึงเธลิสโดยนักคณิตศาสตร์ผู้อื่นพบว่า เธลีสได้เขียนตำราเกี่ยวกับการหาทิศและการเดินเรือ การกล่าวอ้างถึงเอลิสที่นำสนใจเรื่องหนึ่งคือ เธลิสได้ทำนายการเกิดสุริยปราคาได้ถูกต้องในปี 585 BC แต่เขาอ้างถึงของรอบเวลาที่เกิดสุริยปราคาซึ่งจะเกิดขึ้นในประมาณ 19 ปี แต่ก็เป็นการยากเพราะสุริยปราคาจะเกิดเป็นช่วงพื้นที่หนึ่ง การทำนายสุริยปราคาจึงอาศัยประสบการณ์การคาดเดาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้ เชื่อกันว่าเธลิสใช้ข้อมูลที่มีมาจากชาวบาบิโลเนียน ที่กล่าวว่าวงรอบของสุริยุปราคาจะเกิดทุก 18 ปี 10 วัน 8 ชั่วโมง
จากความเป็นจริงในปัจจุบันพบว่า การเกิดสุริยุปราคาจะไม่เป็นรายคาบ แต่จะขึ้นกับตำแหน่งของโลก การคำนวณสุริยุปราคาจึงต้องกระทำโดยอาศัยคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนขึ้น และยังไม่มีใครพบหลักฐานที่เด่นชัดว่าชาวบาบิโลเนียน ทำนายการเกิดสุริยปราคาด้วยหลักฐานและทฤษฎีอะไร ซึ่งก็อาจเป็นได้ว่า ชาวบาลิโลเนียนมีการคำนวณบนพื้นฐานของวิทยาการที่เป็นไปได้ เกี่ยวกับพื้นผิวโลก
หลังจากเกิดสุริยปราคาในวันที่ 28 พฤษภาคม 585 BC ฮีโรโคกุสได้เขียนข้อความบันทึกไว้ว่า "อยู่ ๆ กลางวันก็พลอยเป็นกลางคืนไปในทันที เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการทำนายบอกไว้ก่อนโดย เธลีส ซึ่งเป็นชาวไมล์ตุส" การเกิดสุริยปราคาครั้งนี้สร้างความประหลาดใจ และความตื่นเต้นอย่างยิ่ง

จนกระทั่งปัจจุบันก็ย้งไม่หลักฐานใดที่จะบอกได้ว่าเธลีสใช้ทฤษฎีหรือคำนวณได้อย่างไร นักคณิตศาสตร์ในภายหลังเลื่อว่า การที่เธลีสทำนายได้ถูกต้องเพราะ เธลีสเป็นผู้สังเกตุและศึกษาทางเปลี่ยนเปลี่ยนของท้องฟ้ามีการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลง และดูการเคลื่อนไหวของดวงดาวบนท้องฟ้า จะทำให้ทราบการเคลื่อนที่ในตำแหน่งต่าง ๆ
เธลิสได้มีโอกาสดินทางไปประอิยิปต์ ขณะนั้นศิลปวิทยาการที่อียิปต์รุ่งเรือง โดยเฉพราะคณิตศาสตร์ในสาขาวิชาเรขาคณิต เธลีสได้เสอนวิฮีการคำนวณความสูงของปิรามิดที่อียิปต์ โดยการวัดระยะทางของเงาที่เกิดขึ้นที่ฐานของปิรามิด กับเงาของหลักที่รู้ความสูงแน่นอนวิชาการของเธลีสคือการใช้ รูปสามเหลียมคล้าย การที่เธลีสได้มีโอกาสเดินทางไปอียิปต์ ทำให้เธลิสนำเอาวิชาการทางด้านคณิตศาสตร์มายังกรีก และมีลูกศิษย์ พลาโต (Plato) ได้เขียนถึงเธลีสในผลงานของเขาว่า เธลีสได้แสดงออกถึงความเป็นครูและได้นำวิทยาการมาถ่ายทอด ความคิดของเธลีสเน้นในเชิงปฏิบัติ
สิ่งที่เป็นผลงานและเป้ฯที่กล่าวอ้างถึงเธลีส คือ ทฤษฎีบทเกี่ยวกับเรขาคณิต 5 ทฤษฎี คือ วงกลมใด ๆ ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กันโดยเส้นผ่านศูนย์กลาง มุมที่ฐานของสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีค่าเท่ากัน เส้นตรงสองเส้นตัดกัน มุมตรงข้ามที่เกิดขึ้นย่อมเท่ากัน สามเหลี่ยมสองรูป ถ้ามีมุมเท่ากันสองมุม และด้านเท่ากันหนึ่งด้าน สามเหลี่ยมทั้งสองคล้ายกัน มุมภายในครึ่งวงกลมเป็นมุมฉาก จากทฤษฎีทางเรขาคณิตในเรื่องด้านและมุม เธลิสเสนอวิธีการ วัดระยะทางเรื่องที่อยู่ในทะเลว่าห่างจากฝั่งเท่าไร โดยมีผู้สังเกตวัดระยะอยู่บนฝั่ง เธลิสได้เสนอความเชื่อของตนเองอย่างหนึ่งว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างคือน้ำ" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดและค้นหาคำตอบในเรื่องวิทยาศาสตร์ โดยมีสมมุติฐานที่ต้องการพิสูจน์ เธลิสเชื่อว่า โลกลอยอยู่บนน้ำ และทุกสิ่งทุกอย่างมาจากน้ำ เขาเชื่อว่าโลกแบบเหมือนจานที่ลอยอยู่บนพื้นมหาสมุทรที่ไม่มีขอบเขตกำจัดเธลีสอธิบายการเกิดแผ่นดินไหว เหมือนจานที่ลอยอยู่บนน้ำและกระเพื่อมตามแรงน้ำ จากปริชญาของเธลิสพอสรุปได้เป็น 1.มีวัตถุสิ่งของได้มากมาย 2.มีเพียงชนิดเดียวคือ น้ำ 3.คำว่ายูนิเวอร์ส (Universe) ไม่สามารถที่อธิบายได้ในเทอมของชิ้นส่วนที่ไม่ต่อเนือง แต่อยู่ในเทอมของของที่เชื่อมโยงถึงกันที่เรียกว่า Space อย่างไรก็ตามความคิดของเธลิสในส่วนข้อ 2 และ3 ได้รับการโต้แย้งอย่างมากในเวลาต่อมาในเรื่องความถูกต้องของหลักปรัชญา และทฤษฎี

พิพิธภัณฑ์ ไม้สักทอง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก !!!



รู้หรือไหมว่า “กรุงเทพฯ มีพิพิธภัณฑ์ไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ??? พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้คือ “พิพิธภัณฑ์พระที่นั่งวิมานเมฆ” ซึ่งตั้งอยู่ภายในพระราชวังดุสิต การเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเข้าชมเป็นรอบ หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยมีมัคคุเทศก์นำทาง และบรรยายสิ่งต่าง ๆ ที่จัดแสดงในแต่ละห้อง ก่อนขึ้นชมพระที่นั่ง จะต้องฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อกเกอร์ โดยต้องเสียค่ามัดจำล็อกเกอร์ 100 บาทหากจะพาเพื่อนต่างชาติมาเที่ยว ก็ไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนของคุณจะไม่เข้าใจสิ่งที่ไกด์บรรยาย เพราะที่นี่มีไกด์บรรยายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใครที่ชอบภาษาอังกฤษ จะเข้าชมรอบที่ไกด์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ หลังจากที่ฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว พี่ไกด์ก็เริ่มพาเที่ยวชมภายในพระที่นั่ง รอบที่เข้าชม มีเพียงฉันเพียงคนเดียว อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา คนไทยจึงไม่ค่อยมาเที่ยวนัก พี่ไกด์เริ่มพาเข้าชมห้องต่าง ๆ โดยเริ่มจากประวัติของพระที่นั่งองค์นี้ก่อน พระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นภายในสวนดุสิต โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2443 ใช้ระยะเวลาในการสร้าง 19 เดือน พระองค์ประทับอยู่ที่นี่เป็นเวลา 5 ปี จากนั้นจึงย้ายไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถานจนเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นพระที่นั่งก็ถูกทิ้งร้าง ไม่มีเจ้านายพระองค์ไหนประทับอีก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2525 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงสำรวจและพบว่า พระที่นั่งวิมานเมฆยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่ประณีตงดงามและยังมีภาพฝีพระหัตถ์ รวมถึงศิลปวัตถุส่วนพระองค์จำนวนมาก จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบูรณะซ่อมแซมเพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นมรดกของชาติสืบไป พระที่นั่งวิมานเมฆเป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก องค์พระที่นั่งเป็นรูปอักษรตัว L สร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น เฉพาะส่วนที่ประทับซึ่งเรียกว่าแปดเหลี่ยม มี 4 ชั้น ชั้นล่างสุดก่ออิฐถือปูน ชั้นถัดขึ้นไป สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมด มีทั้งหมด 72 ห้อง แต่เปิดให้เข้าชมเพียง 31 ห้อง โดยแบ่งเป็น 5 หมู่สี ได้แก่ ฟ้า, เขียว, ชมพู, ลูกพีท และงาช้าง
ห้องแรกที่เข้าชมอยู่ในหมู่ห้องสีฟ้า จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อจากห้องสีฟ้าเป็นหมู่ห้องสีเขียว เป็นห้องที่รับรองเสนาบดีฝ่ายหน้า ก่อนที่จะเสด็จเข้าเฝ้าฯ ในตู้จัดแสดงเครื่องเงินซึ่งใช้ตรวจสอบอาหารมีพิษ ถ้าอาหารมีพิษ เครื่องเงินจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ฟังแล้วอยากเห็นจังว่า การกลายสีของเครื่องเงินเป็นดำ จะเป็นยังไง ??? ขณะนี้เราอยู่ในห้องหมู่สีงาช้าง ห้องที่ชมคือห้องศาสตราวุธ จัดแสดงอาวุธต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกสงคราม ที่น่าสนใจคือ ซุ้มดาบไม่มีด้าม ความจริงดาบนี้เป็นดาบที่มีด้าม แต่เคยใช้ในการศึกสงคราม จึงมีความเชื่อว่า วิญญาณจะสิงสถิตอยู่ที่ด้ามดาบ จึงต้องถอดด้ามออก เพื่อเป็นการปลดปล่อยวิญญาณเหล่านั้น ฟังแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมายังไงไม่รู้
ห้องต่อมาคือห้องหมู่สีชมพู เป็นห้องแปดเหลี่ยม ซึ่งเป็นที่พระทับของรัชกาลที่ 5 ชั้น 2 จัดแสดงเครื่องกระเบื้องนานาชาติ ได้แก่ ญี่ปุ่น เดนมาร์ค เยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ จากนั้นพี่ไกด์ก็พาฉันขึ้นไปชั้นสูงสุดของพระที่นั่ง โดยบันไดที่ขึ้นนี้เป็นบันไดที่รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนิน นับว่าเป็นบุญของฉันที่ได้เดินตามเบื้องพระยุคลบาท ชั้นสูงสุดขององค์พระที่นั่งคือชั้น 4 มีห้องทั้งหมด 4 ห้อง ได้แก่ ห้องพระบรรทม ห้องทรงพระอักษร ห้องเปลี่ยนฉลองพระองค์ และห้องสรง เดินมาถึงตรงนี้พี่ไกด์คนแรกก็ส่งหน้าที่ให้พี่ไกด์คนที่สองพาเที่ยวต่อ

ห้องที่ชมต่อไปเป็นห้องเสวย มีสิ่งน่าสนใจคือ แจกันแก้ว ซึ่งทำโดยใช้แรงคนเป่า เป่า 1 ครั้งก็ได้แจกัน 1 ใบ เห็นแล้วทึ่งจริง ๆ เพราะตัวแก้วมีความสูงมาก อยากเห็นว่าสูงแค่ไหน ต้องมาดูให้เห็นกับตาของคุณเอง พี่ไกด์คนที่สองพาเดินชมมาจนถึงห้องท้องพระโรง ก็ส่งมอบให้ไกด์คนที่สาม ฉันนึกอยู่ในใจว่าเดี๋ยวจะมีคนที่สี่อีกไหมเนี่ย ถามพี่ไกด์ พี่เค้าบอกว่ามีแค่ 3 คน ก็แหม มีห้องให้ชมตั้ง 31 ห้อง ถ้าให้พูดคนเดียว ก็คงจะไม่ไหว พี่ไกด์คนสุดท้ายบอกให้ฉันกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นการทำความเคารพ แล้วจึงเริ่มบรรยาย สิ่งน่าสนใจของห้องท้องพระโรงคือ พระราชอาสน์ 4 องค์ แต่องค์ที่สำคัญคือ องค์สีแดง ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เคยประทับในฐานะที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุด 42 ปีซึ่งเป็นการครองราชย์ที่ยาวนานที่สุดในราชวงศ์จักรี และในหลวงของเราก็เคยประทับถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือในปี พ.ศ. 2530 ในฐานะครองราชย์เป็นระยะเวลาเท่ากับรัชกาลที่ 5 และครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2539 คือในปีกาญจนาภิเษก
ที่น่าประทับใจอีกอย่างในการมาชมพระที่นั่งวิมานเมฆคือ ได้ชมรอยระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในห้องพระของหมู่ห้องสีชมพู ในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พระที่นั่งวิมานเมฆได้โดนสะเก็ดระเบิด แต่จู่ ๆ ลูกไฟก็ได้มอดดับไปเอง ซึ่งมีความเชื่อว่าคงเป็นเพราะดวงวิญญาณของรัชกาลที่ 5 ที่คอยปกปักรักษาพระที่นั่งองค์นี้ไว้ เมื่อสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีทรงเห็นรอยระเบิด ทรงมีพระดำริว่าให้อนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม รอยระเบิดก็เป็นเพียงไม้สีดำ ๆ เป็นวงไม่ใหญ่นัก แต่ที่น่าประหลาดใจคือ ไฟมาเจอไม้ มันจะเหลืออะไร จริงไหม นี่คงเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คอยปกป้องพระที่นั่งองค์นี้เอาไว้ ของอย่างนี้ไม่เชื่อ...อย่าหลบหลู่ เพลิดเพลินกับการฟังพี่ไกด์พูดจนไม่รู้ตัวเลยว่าได้เดินเวียนมาจนถึงห้องแรกที่เข้ามาแล้ว ต้องขอบคุณพี่ไกด์มากที่พาชมภายในพระที่นั่ง พร้อมทั้งคำอธิบายต่าง ๆ นี่เป็นเพียงบางส่วนของการมาชมพระที่นั่งวิมานเมฆเท่านั้น แต่ละห้องที่จัดแสดงยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย ที่ฉันเล่ามาข้างต้นนี้ เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น หลังจากที่ชมภายในพระที่นั่งจนทั่วแล้ว ที่นี่ยังมี “การแสดงนาฏศิลป์ไทย” ที่บริเวณศาลาเรือนไทย โดยจัดแสดงวันละ 2 รอบ คือ เวลา 10.30 น. และ 14.00 น. นอกจากพระที่นั่งวิมานเมฆแล้ว ภายในพระราชวังดุสิตยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก อาทิ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต, พระตำหนักสวนหงส์, พระตำหนักสวนบัว, พระตำหนักหอ, พระตำหนักสวนสี่ฤดู ฯลฯ

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

ดื่มแอลกอฮอล์ปานกลางช่วยเสริมสร้างกระดูก



นักวิจัยสเปนระบุผู้หญิงที่ดื่มเบียร์ปานกลางอาจมีกระดูกที่แข็งแรงได้ รายงานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาในผู้หญิงกว่า 1,700 คนและตีพิมพ์ลงวารสาร Nutrition ซึ่งพบว่าความหนาแน่นของกระดูกนั้นจะพบว่าคนที่ดื่มเป็นประจำสม่ำเสมอจะมีความหนาแน่นของกระดูกมากกว่าพวกที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย
แต่ทีมวิจัยนั้นระบุว่า ฮฮร์โมนพืชที่อยู่ในเบียร์นั้นอาจมีส่วนที่ทำให้กระดูกเพิ่มมากขึ้นมากกว่าที่จะเกิดจากแอลกอฮฮล์
Osteoporosis (โรคกระดูกพรุน) นั้นเป็นปัญหาทั่วไปของผู้หญิงวัยทอง โดยทำให้เกิดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของกระดูกที่จะหักในช่วงชีวิตนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการเสาะหาอาหารเสริมที่จะมาช่วยผู้หญิงนั้นรักษาความแข็งแรงของกระดูกเมื่อแก่ตัวลง
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Extremadura ของเมือง Caceres ในสเปน ได้ระบุว่าพวกเขาไม่แนะนำให้ทุกคนนั้นดื่มเบียร์เพื่อเร่งเสริมสร้างกระดูก แต่ระบุว่าส่วนผสมในเบียร์ที่เรียกว่า phytoestrogens อาจมีส่วนสำคัญที่ทำให้กระดูกเพิ่มพูน นักวิจัยทำการทดลองโดยนำอาสาสมัครผู้หญิงที่มีอายุเฉลี่ย 48 ปี เพื่อนำมาอัลตร้าซาวน์เพื่อวัดความหนาแน่นของกระดูกนิ้วมือ
ผลที่ได้จะมาทำการตรวจสอบกับปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่น น้ำหนัก อายุและการดื่มหรือใช้แอลกอฮอล์ เมื่อผู้หญิงอาสาสมัครถูกจัดว่าดื่มน้อยจนถึงปานกลางนั้น จะหมายถึงการรับแอลกอฮอล์ในปริมาณถึง 280 กรัมแอลกอฮอล์ต่อสัปดาห์ เท่ากับ 5 ยูนิตต่อวัน ซึ่งพบว่าคนเหล่านี้จะมีความหนาแน่นของกระดูกสูงสุดเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย
การทดลองนี้เป็นการเน้นย้ำการทดลองที่ผ่านมา รวมถึงการทดลองที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเซนต์ โทมัสในลอนดอน ซึ่งระบุว่าการดื่มแอลกอฮอล์ 8 ยูนิตต่อสัปดาห์นั้นให้ประโยชน์กับร่างกาย

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี



ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!